Author Archives: fpridev

ผอ. สวค. ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ดร. จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง และผู้บริหาร ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ครบรอบ 64 ปี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ณ อาคารสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ผอ. สวค. ร่วมแสดงความยินดีปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ดร.จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ร่วมแสดงความยินดีกับ นายพชร อนันตศิลป์ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งปลัดกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568

ผอ. สวค. ร่วมแสดงความยินดีครบรอบวันสถาปนากรมบัญชีกลาง

ดร.จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง และผู้บริหาร ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนากรมบัญชีกลาง ครบรอบ 135 ปี ณ อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568

ผอ. สวค. ร่วมแสดงความยินดีกับ อธิบดีกรมสรรพสามิต

ดร. จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังพร้อมด้วยผู้บริหารร่วมแสดงความยินดีกับนายพรชัย ฐีระเวช เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต ณ กรมสรรพสามิต เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568

ผอ. สวค. ร่วมแสดงความยินดีกับ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ดร. จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังพร้อมด้วยผู้บริหารร่วมแสดงความยินดีกับนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ณ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568

ผอ. สวค. ร่วมแสดงความยินดีกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ดร. จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ณ ห้องงาช้าง ชั้น 20 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลังเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง คณะผู้บริหารกระทรวงการคลัง และดร. จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการ สวค. ให้การต้อนรับ ณ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568

สวค. มอบทุนการศึกษา โรงเรียนวัดกาหลง ในโครงการทุนการศึกษาส่งน้องเรียนเพื่อเด็กเรียนดี

มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง โดย ดร.จุฑาทอง จารุมิลินท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง และพนักงาน จัดโครงการ “ทุนการศึกษาส่งน้องเรียนเพื่อเด็กเรียนดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันท มหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เนื่องในโอกาสวันพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี 20 กันยายน 2568” โดยมอบทุนการศึกษาให้นักเรียน โรงเรียนวัดกาหลง จังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 24 กันยายน 2568

ปัจจัยหนุนเงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 ปี

ตั้งแต่ต้นปี 2568 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่า 7.9% แตะระดับแข็งค่าสุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยไม่ได้สะท้อนจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย แต่ได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า ราคาทองคำที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ฟื้นกลับมาหลังการเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น ปวริศ ปิยะจิตเมตตานักวิจัยสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังปวเรศ ปิยะจิตเมตตานักกลยุทธ์การลงทุน ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 7.9% ตั้งแต่ต้นปี (YTD) และแข็งค่าขึ้น 2.2% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยเป็นการค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021 (แผนภาพที่ 1) แม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นในปีนี้ แต่การแข็งค่าของเงินบาทอาจไม่ได้สะท้อนจากปัจจัยด้านพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยเป็นหลัก และสวนทางกับการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ลดจาก 2.25% เมื่อต้นปีนี้ มาสู่ระดับ 1.5% ในเดือนสิงหาคม โดยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นครั้งนี้ ผู้แต่งมองว่าเป็นผลจากความสัมพันธ์เชิงผกผันกับค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก โดยค่าเงินดอลลาร์อยู่ในแนวโน้มทิศทางอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลจากการที่นักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์และได้ย้ายไปถือครองสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยสำคัญมาจากทั้งด้านนโยบายการเงินและนโยบายเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังตัวเลขการจ้างงานและตัวเลขเศรษฐกิจหลายด้านส่งสัญญาณอ่อนแรง ขณะเดียวกันนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มักโจมตีธนาคารกลางและดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้า ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของดอลลาร์ ส่งผลให้เกิด De-dollarization ไปยังสกุลเงินที่นักลงทุนมองว่ามีศักยภาพมากกว่า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเงินบาท และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงพันธบัตรในตลาดเกิดใหม่