ประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวในการใช้กล้องวงจรปิด
ของมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง
ปรับปรุงล่าสุด : 31 พฤษภาคม 2565
1. ขอบเขตและวัตถุประสงค์
มูลนิธิ สวค. (“มูลนิธิฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้มอบให้แก่มูลนิธิฯ ด้วยความไว้วางใจ และมูลนิธิฯ มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นการรับรองสิทธิของท่านเกี่ยวกับการเก็บรวมรวม, การใช้, การจัดเก็บ, การเปิดเผย และการลบข้อมูลส่วนบุคคล (“ประมวลผล”) ทั้งนี้ โดยมูลนิธิฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ลูกค้า ผู้มาติดต่อ บุคคลภายนอก หรือบุคคลใด ๆ (“ท่าน”) ที่เข้ามายังพื้นที่เฝ้าระวังสังเกตการณ์ภายในและรอบบริเวณอาคาร และสถานที่ต่าง ๆ (“พื้นที่”) ของมูลนิธิฯ ผ่านอุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV)
อ่านต่อ ↓รายละเอียดการติดต่อ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง เลขที่ 1175/2 ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 39 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800 โทรศัพท์: 0-2587-9788 อีเมล: dpo@fispri.org | รายละเอียดการติดต่อ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โทรศัพท์: 0-2587-9788 อีเมล: dpo@fispri.org |
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล:
- เพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานการประกอบธุรกิจ โครงสร้างการบริหารงาน ระบบงาน และการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- เพื่อการป้องกันอันตรายแก่ชีวิต สุขภาพ และความปลอดภัยส่วนตัว ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของท่านด้วย
- เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินจากความเสียหาย การขัดขวาง การทำลายซึ่งทรัพย์สินหรืออาชญากรรมอื่น
- เพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และ ดำเนินคดีทางกฎหมาย
- เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการยุติเรื่องร้องทุกข์อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพื่อช่วยเหลือในการสอบสวนหรือกระบวนพิจารณาที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเบาะแส
- เพื่อสนับสนุนในการก่อตั้งสิทธิหรือยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในการดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะคดีทางแพ่ง และคดีแรงงาน
- เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
ฐานในการประมวลผลข้อมูล: “ฐานการประมวลผล” หมายถึง เหตุผลความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 24 และมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยมูลนิธิฯ ดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้
- ฐานความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest): มูลนิธิฯ นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่บุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของมูลนิธิฯไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าออกเขตหวงห้าม และใช้ในการสอบสวนเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่
- ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation): มูลนิธิฯ นำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการและจัดเก็บข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานซึ่งเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและมูลนิธิฯ อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ตามที่หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายร้องขอ หรือใช้เพื่อเป็นพยานหลักฐานกรณีเกิดเหตุอาชญากรรม หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในหรือบริเวณอาคารและสถานที่
2. เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง?
เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- ข้อมูลอัตลักษณ์ เช่น รูปภาพบุคคล ภาพเคลื่อนไหว เสียง เป็นต้น
3. เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร?
เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงผ่านกล้องวงจรปิด
4. เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร?
มูลนิธิฯ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่เฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
มูลนิธิฯ จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เท่านั้น และในบางกรณีมูลนิธิฯ อาจพิจารณาประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุผลอื่นที่เกี่ยวข้องและไม่ขัดหรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เดิม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เราจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลด้วยวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์เดิมและการประมวลผลดังกล่าวไม่สามารถอ้างอิงฐานการประมวลผลอื่นได้ เช่นนี้ เราจะขอความยินยอมใหม่เพื่อการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ใหม่นั้น
5. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกันกับหน่วยงานภายนอก
เราอาจมีความจำเป็นต้องส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานภายนอก ดังต่อไปนี้
- ผู้ตรวจสอบจากภายนอก (External Auditor)
- หน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น
- หน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น พนักงานสอบสวน อัยการ เป็นต้น
ในกรณีที่เราใช้หรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังหน่วยงานภายนอก เราจะดำเนินการเท่าที่จำเป็นโดยใช้หรือส่งข้อมูลให้น้อยที่สุด และอาจพิจารณาใช้วิธีจัดทำข้อมูลนิรนาม (anonymisation) และการแฝงข้อมูล (pseudonymisation) เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล โดยบุคคลภายนอกที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้กับมูลนิธิฯ จะต้องจัดให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามนโยบายนี้ และเราจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกดังกล่าวใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกจากที่เรากำหนด
6. การส่งหรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ
ในกิจกรรมการประมวลผลนี้ มูลนิธิฯ มิได้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลจากกล้องวงจรปิดไปยังต่างประเทศแต่ประการใด
7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิฯ ได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมูลนิธิฯ ได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
8. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
เราจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตลอดระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ รวมถึงงานต่าง ๆ ที่จำเป็น เช่น การดำเนินงานเกี่ยวกับด้านกฎหมาย, บัญชี และการติดตามตรวจสอบต่าง ๆ (ดูรายละเอียดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมได้ที่ (www.fpri.or.th)
9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right of Access) โดยท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลของท่านและตรวจสอบว่าเราได้ประมวลผลข้อมูลของท่านตามกฎหมายหรือไม่
- สิทธิในการโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Data Portability) ในกรณีที่เราได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ท่านสามารถขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานอื่นได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เราส่งหรือโอนไปยังหน่วยงานอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
- สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) โดยท่านสามารถคัดค้านในกรณีที่เราประมวลผลข้อมูลของท่าน
- ตามประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
- สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Erasure) โดยท่านสามารถขอให้ลบข้อมูล หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อหมดความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อท่านคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing) โดยท่านสามารถขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่ออยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เมื่ออยู่ในระหว่างการพิสูจน์ หรือตรวจสอบ ตามคำขอใช้สิทธิในการคัดค้านของท่าน
- สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Rectification) โดยท่านสามารถขอแก้ไขข้อมูลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบันได้ หากท่านพบว่าข้อมูลของท่านไม่ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน เราไม่สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยตนเอง
ในบางกรณีตามสภาพของการดำเนินการ เราอาจไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ท่านขอได้ เช่น มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามหน้าที่ตามสัญญาหรือกฎหมาย เป็นต้น
ขอให้ท่านรับทราบว่าเราจะบันทึกรายการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องของท่านเอาไว้เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากมีข้อสงสัยในรายละเอียดทางปฏิบัติของการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ท่านอาจศึกษาได้จากแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (TDPG3.0) ได้ที่ https://www.law.chula.ac.th/event/9705/)
ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น หรือมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อที่ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางตามรายละเอียดที่แจ้งไว้ข้างต้น เราจะรีบดำเนินการตามคำร้องของท่านโดยเร็ว และสอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดีท่านมีสิทธิร้องเรียนเกี่ยวกับการไม่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายได้ที่สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10. การทบทวนและปรับปรุงประกาศ
เอกสารแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ฉบับนี้ อาจมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในแต่ละคราว โดยจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของนโยบายนี้ และอาจแจ้งเตือนท่านเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะ
ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
(ดร. จุฑาทอง จารุมิลินท)
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง
กรรมการและเลขานุการมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง