นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนาของมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง
ปรับปรุงล่าสุด : 31 พฤษภาคม 2565
ฉบับย่อ
มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “มูลนิธิ สวค.”) ประมวลผลข้อมูล ผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนา (ต่อไปนี้จะเรียกรวมว่า “ผู้สมัคร”) ซึ่งจะได้รับการดูแลตามมาตรฐานสูงสุดสอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ”) โดยท่านสามารถดูรายละเอียดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้สมัคร (“นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ”) ฉบับเต็มได้ ผ่านทาง QR Code ด้านล่างนี้ อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถอ่านสรุปเบื้องต้นของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ด้านล่างเพื่อความสะดวก
อ่านต่อ ↓หัวข้อ | ข้อมูลโดยสรุป |
เราประมวลผลข้อมูลอะไรบ้าง? | เราประมวลผลข้อมูลตามที่จำเป็นที่ได้เก็บรวบรวม จากท่าน ได้แก่ ข้อมูลอัตลักษณ์, ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ, ข้อมูลสุขภาพ, เอกสารหลักฐาน, ข้อมูลประวัติ เป็นต้น |
เราใช้ข้อมูลอย่างไร? | เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการทั้งหลายตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจ การคลัง (“มูลนิธิ สวค.”) ซึ่งเราได้อธิบายเหตุผลความจำเป็นเอาไว้ |
เราส่งข้อมูลให้ใคร? | เราอาจจำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังหน่วยงานภายนอกตามเหตุผลความจำเป็นที่ได้อธิบายเอาไว้พร้อมรายการหน่วยงานที่มีการส่งข้อมูล |
ผู้ใช้บริการสามารถทำอะไรได้บ้าง? | ท่านสามารถใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลซึ่งรวมถึง การเข้าถึง, การแก้ไข หรือการลบข้อมูลได้ตามที่ได้อธิบายเอาไว้ |
การเปลี่ยนแปลงนโยบาย | เราจะได้แจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของนโยบายนี้ และอาจแจ้งเตือนท่านเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะ |
- ขอบเขตและวัตถุประสงค์ของนโยบายนี้
เอกสารนี้เป็นนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับ ผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนา ของมูลนิธิ สวค. โดยมีมูลนิธิ สวค. เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ฉบับนี้ จะได้อธิบายว่ามูลนิธิ สวค. ได้เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ สวค.
รายละเอียดการติดต่อผู้ควบคุมข้อมูล มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง 1175/2 ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 39 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800 โทรศัพท์: 0-2587-9788 อีเมล : dpo@fispri.org | รายละเอียดการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โทรศัพท์ : 02-587-9788 อีเมล : dpo@fispri.org |
ตามนโยบายนี้จะใช้คำว่า
“การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใดๆ ของมูลนิธิ สวค. ต่อข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนา รวมถึง การเก็บรวมรวม, การใช้, การจัดเก็บ, การเปิดเผย และการลบข้อมูลส่วนบุคคล
“ฐานการประมวลผล” หมายถึง เหตุผลความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 24 และ 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
นโยบายนี้อาจมีการทบทวนปรับปรุงเมื่อใดก็ได้ตามที่จะได้แจ้งให้ทราบตามช่องทางสื่อสารที่เหมาะสมต่อไป
- เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง?
มูลนิธิ สวค. ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- ข้อมูลอัตลักษณ์ เช่น ชื่อ-นามสกุล, ชื่อเล่น, รูปถ่าย, เลขประจำตัวประชาชน, เลขที่หนังสือเดินทาง, เลขประจำตัวผู้เสียภาษี, เลขที่บัตรสะสมไมล์, ลายมือชื่อ เป็นต้น
- ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, ที่อยู่, ข้อมูลติดต่อ, Line id, ที่ตั้งสำนักงาน เป็นต้น
- ข้อมูลการทำงาน เช่น ประวัติการทำงาน, สถานที่ทำงาน, หน่วยงานต้นสังกัด, ตำแหน่งงาน เป็นต้น
- ข้อมูลการศึกษา เช่น ประวัติการศึกษา เป็นต้น
- เอกสารหลักฐาน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
- ประวัติ เช่น สัญชาติ, เพศ, อายุ, วันเดือนปีเกิด, รายละเอียดวัดตัว เป็นต้น นอกจากนี้ มูลนิธิ สวค. อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลประเภทพิเศษที่มีความอ่อนไหวในบางกรณี เช่น
- ข้อมูลประวัติ เช่น ศาสนา เป็นต้น
- ข้อมูลสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว, ประวัติการแพ้ยา, ข้อมูลการแพ้อาหาร, ผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรน่า เป็นต้น
- เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร?
โดยทั่วไปแล้ว มูลนิธิ สวค. เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนา โดยตรงผ่านกระบวนการ เช่น
- กรอกลงในแบบฟอร์ม เช่น เอกสาร, Google form
- สื่อสารผ่านอีเมล, Line Application, โทรศัพท์, แฟกซ์ อย่างไรก็ดีอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งรวมถึง
- หน่วยงานผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน หน่วยงานต้นสังกัดของผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนา
- เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร?
เราใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการทั้งหลายตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ สวค. ที่เกี่ยวข้องกับผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนา ตามฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งสรุปได้ดังนี้
กลุ่มกิจกรรม | กลุ่มข้อมูลส่วนบุคคล | ฐานการประมวลผล |
รับสมัครผู้เข้าอบรม [ROP ID: TRN02, TRN03, TRN04] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ ● ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ ● ข้อมูลการทำงาน ● ข้อมูลสุขภาพ | ● ฐานสัญญา ● ฐานความยินยอม |
จัดทำเอกสารและหลักฐานทางการเงิน [ROP ID: TRN05, TRN06] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ ● ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ ● ข้อมูลการทำงาน | ● ฐานสัญญา |
จัดทำประกาศนียบัตร ป้ายชื่อ และทำเนียบรุ่น [ROP ID: TRN07, TRN08] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ ● ข้อมูลการทำงานข้อมูลประวัติ | ● ฐานสัญญา |
ติดต่อประสานงานและอำนวยความสะดวก [ROP ID: TRN09, TRN13] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ ● ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ ● ข้อมูลการทำงาน ● ข้อมูลประวัติ ● เอกสารหลักฐาน ● ข้อมูลสุขภาพ | ● ฐานสัญญา ● ฐานประโยชน์อันชอบธรรม |
บันทึกภาพบรรยากาศการอบรม [ROP ID: TRN10] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ | ● ฐานประโยชน์อันชอบธรรม ● ฐานความยินยอม |
คัดกรอง Covid-19 [ROP ID: TRN11] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ ● ข้อมูลสุขภาพ | ● ฐานความยินยอม |
การจัดทำบันทึกการประชุม/สัมมนา [ROP ID: RFS09, RMA13] | ● ข้อมูลอัตลักษณ์ ● ข้อมูลที่อยู่และที่ติดต่อ ● ข้อมูลการทำงาน | ● ฐานประโยชน์อันชอบธรรม |
มูลนิธิ สวค.จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร่วมงานอบรม/สัมมนาตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้เท่านั้น ในบางกรณีอาจพิจารณาว่าสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุผลอื่นที่เกี่ยวข้องและไม่ขัด หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์เดิม แต่ในกรณีที่เราจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลด้วยวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์เดิม เราจะขอความยินยอมใหม่เพื่อการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ใหม่นั้น
- การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกันกับหน่วยงานภายนอก
มูลนิธิ สวค. อาจมีความจำเป็นต้องส่ง และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานภายนอกดังต่อไปนี้ เพื่อให้หน่วยงานภายนอกสามารถประมวลผลข้อมูลตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามสัญญาที่มีกับมูลนิธิ สวค.และ/หรือหน้าที่ตามกฎหมาย
- ผู้ให้บริการ เช่น บริษัททัวร์, ร้านตัดเสื้อ, บริษัทประกันภัย, โรงแรมที่พัก, โรงพิมพ์ เป็นต้น
- คู่สัญญา เช่น หน่วยงานผู้ว่าจ้าง, หน่วยงานที่ร่วมจัดอบรม/สัมมนา
- หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานที่ติดต่อขอเข้าไปศึกษาดูงาน
- การส่งหรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศ
มูลนิธิ สวค. อาจมีความจำเป็นต้องส่งข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศ เช่น
- แคนาดา
- สหรัฐอเมริกา
- ญี่ปุ่น
- เกาหลี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มูลนิธิ สวค. จำเป็นต้องส่งข้อมูลไปยังต่างประเทศ มูลนิธิ สวค. จะส่งข้อมูลก็ต่อเมื่อกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ประเทศปลายทางที่รับข้อมูลได้รับการวินิจฉัยจากคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลว่ามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ
- หน่วยงานต่างประเทศที่รับข้อมูลอยู่ภายใต้นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ มูลนิธิ สวค. จะดูแลให้มั่นใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย
- เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการใช้สิทธิตามกฎหมาย
- ได้รับความยินยอมจากท่านโดยท่านได้รับทราบถึงมาตรฐานการคุ้มครองส่วนบุคคลที่
ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว - เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
- เป็นการกระทำตามสัญญาระหว่างมูลนิธิ สวค. กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เมื่อบุคคลดังกล่าว
ไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
- การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิ สวค. ได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดย ทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดย มูลนิธิ สวค. ได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
- ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
เราจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตลอดระยะเวลาที่จำเป็นในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ สวค. รวมถึงงานต่างๆ ที่จำเป็นเกี่ยวกับด้านกฎหมาย, บัญชี และการติดตามตรวจสอบต่าง ๆ (ดูรายละเอียดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่ “นโยบายกักเก็บข้อมูลของมูลนิธิ สวค.”)
- สิทธิสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
⁃ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right of Access) โดยท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลของท่านและตรวจสอบว่าเราได้ประมวลผลข้อมูลของท่านตามกฎหมายหรือไม่
⁃ สิทธิในการโอนข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Data Portability) ในกรณีที่เราได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ท่านสามารถขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังหน่วยงานอื่นได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เราส่งหรือโอนไปยังหน่วยงานอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
⁃ สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Object) โดยท่านสามารถคัดค้านในกรณีที่เราประมวลผลข้อมูลของท่าน
- ตามภารกิจสาธารณะ (Public Task) หรือตามประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest)
- เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
- เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของเรา
⁃ สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Erasure) โดยท่านสามารถขอให้ลบข้อมูล หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อหมดความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อท่านถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและเราไม่มีเหตุผลตามกฎหมายที่จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ต่อไป
- เมื่อท่านคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
⁃ สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restrict Processing) โดยท่านสามารถขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่ออยู่ในระหว่างการตรวจสอบตามที่ท่านขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่ท่านขอให้ระงับการใช้แทน
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
- เมื่ออยู่ในระหว่างการพิสูจน์ หรือตรวจสอบ ตามคำขอใช้สิทธิในการคัดค้านของท่าน
⁃ สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Rectification) โดยท่านสามารถขอแก้ไขข้อมูลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบันได้ หากท่านพบว่าข้อมูลของท่านไม่ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน เราไม่สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยตนเอง
ในบางกรณีตามสภาพของการดำเนินการ เราอาจไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ท่านขอได้ เช่น มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามหน้าที่ตามสัญญาหรือกฎหมาย เป็นต้น อย่างไรก็ดีในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเอาไว้ ท่านสามารถถอนความยินยอมนั้นเมื่อใดก็ได้ด้วยการติดต่อไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้อง โดยเราจะยุติการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวโดยเร็วที่สุด แต่การถอนความยินยอมนั้นจะไม่มีผลเป็นการยกเลิกเพิกถอนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
ขอให้ท่านรับทราบว่าเราจะบันทึกรายการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องของท่านเอาไว้เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากมีข้อสงสัยในรายละเอียดทางปฏิบัติของการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(ท่านอาจศึกษาได้จากแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (TDPG3.0) ได้ที่ https://www.law.chula.ac.th/wp-content/uploads/2020/12/TDPG3.0-C5-20201208.pdf)
ในกรณีที่ท่านมีประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น หรือมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อที่ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิ สวค. (ตามช่องทางที่ให้ไว้ด้านบน) เราจะรีบดำเนินการตามคำร้องของท่านโดยเร็วและสอดคล้องกับที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ดีท่านมีสิทธิร้องเรียนเกี่ยวกับการไม่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายได้ที่สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- การทบทวนและปรับปรุงนโยบายนี้
เอกสารนี้เป็นนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้สมัครของมูลนิธิ สวค. ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เราขอสงวนสิทธิในการทบทวนและปรับปรุงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร โดยจะได้แจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของนโยบายนี้ และอาจแจ้งเตือนท่านเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะ
ประกาศ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2565
(ดร. จุฑาทอง จารุมิลินท)
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง
กรรมการและเลขานุการมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง